What You will learn:
ดีใจได้ไม่นานเท่าไหร่กับการได้ Work From Home สุดท้ายก็รู้สึกคิดถึงออฟฟิศขึ้นมา เพราะไม่ใช่แค่ความเหงาที่เกาะกินใจจากการต้องแยกตัวมาทำงานคนเดียว แต่ Work From Home ที่ไม่เวิร์คส่งผลเสียกับเรามากกว่าที่คิด
จากการศึกษาในปี 2017 โดย The United Nations ที่ทำการศึกษากับผู้เข้าร่วมจากกว่า 15 ประเทศ รายงานว่าการ Work From Home ทำให้ระดับความเครียดในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ตรงกับหลายๆ คนในตอนนี้ ที่รู้สึกได้ว่า การทำงานที่บ้านกำลังพัง Work-life Balance และสุขภาพจิตทีละนิด
Work From Home that doesn't work can damage EVERYTHING
สุขภาพใจย่ำแย่ มีแต่ความเครียดสะสม - อะไรที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น?
ส่วนหนึ่งมีผลจาก Time & Space ที่ถูกกลืนเข้าด้วยกัน เวลาทำงานยืดหยุ่นก็จริง แต่กลับไม่มีเวลาส่วนตัวให้ตัวเอง พื้นที่ที่จะหลีกหนีเมื่อรู้สึกเครียดก็หายไป ราวกับว่างานสามารถตามมาหลอกหลอนได้ในทุกช่วงของชีวิต จนไม่มีช่องว่างให้ได้พักหายใจหายคอ ทั้งที่ทำงานและที่นอนต่างอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เข้านอนพร้อมกับงาน ตื่นมาก็เจองานเลยอีกต่างหาก
รวมทั้งการ Work From Home ทำให้ทีมต้องติดต่อกันมากขึ้น หลายครั้งที่มีข้อความเด้งขึ้นมากลางดึก หรือแม้กระทั่งการจะต้องพยายามพิสูจน์มากกว่าปกติว่าเราทำงานได้ดี ไม่ต่างไปจากตอนอยู่ออฟฟิศ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราต้องแบกรับความเครียดตลอดเวลา รู้สึกเหมือนติดอยู่ในลูปที่ไม่มีวันจบสิ้น ซึ่งหากปล่อยไว้นานๆ อาจกลายเป็นปัจจัยที่ผลักเราเข้าสู่ภาวะเครียดเรื้อรัง และซึมเศร้าได้
Productivity ในการทำงานลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
ใครๆ ก็คาดหวังว่าตัวเองจะ Productive เมื่อได้ทำงานที่บ้าน เพราะเราน่าจะโฟกัสดีกว่าเดิม เมื่อได้ทำงานเงียบๆ กลับกัน การมีปฏิสัมพันธ์ที่น้อยเกินไปก็ทำให้ Productivity ลดลงได้เหมือนกัน เพราะการอยู่คนเดียว อาจทำให้เราไม่ได้แชร์ไอเดียโดยตรง หรือไม่ได้รับพลังบวกจากสิ่งแวดล้อม และคนรอบข้าง
แต่ในขณะเดียวกัน การสื่อสารที่มากเกินไปจากการที่เราต้อง Remote Working เพื่อลดช่องว่างในเรื่องความโดดเดี่ยวเมื่อต้องทำงานไกลกัน ก็กลายเป็นสิ่งรบกวนต่อโฟกัสและ Productivity ของพนักงานซะเอง จนทุกครั้งที่มีการแจ้งเตือน ก็ทำให้ความ Productive ที่พยายามขุนมาทั้งวันหายวับไปได้ ซึ่งนำมาสู่ความเครียดในท้ายที่สุด เมื่อเราพยายามจะเค้นให้ตัวเองกลับมาทำงานได้ดีเหมือนเดิม
จะจัดการความเครียดจากการ Work From Home ได้อย่างไร
แม้ว่าคนจะชอบที่ WFH ทำให้เกิดความยืดหยุ่น แต่ทางที่ดี เราควรจะเซ็ต Routine ให้กับตัวเองบ้าง เพราะการปล่อยให้ตัวเองมีความยืดหยุ่นเกินไป อาจทำให้เราทำงานแบบกินเวลาชีวิตไปเรื่อยๆ ต้องจัดสรรเวลาตื่น เวลาทำงาน เวลาเลิกงานให้ชัดเจน รวมทั้งวางแผนว่าจะทำอะไรบ้าง Set Priorities เพื่อไม่ให้เราหลุดโฟกัสไปไกล
ที่สำคัญ ควรคุยกับทีมให้ชัดถึงเวลาการติดต่อสื่อสาร บอกกับคนในทีมว่าคุณต้องการให้สื่อสารได้ถึงเวลาไหน และเรียนรู้ที่จะปฏิเสธ Extra Work เพื่อให้เราสามารถสร้างสมดุลของความ Productive และลดความเครียดสะสมที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวได้
เราอยู่กับเน็ตและหน้าจอมาทั้งวัน ลองพักแบบออฟไลน์ ให้ร่างกายและสมองได้พักผ่อน แม้ว่าในสถานการณ์แบบนี้เราอาจจะออกไปเดินเล่นให้สมองปลอดโปร่งไม่ได้ ลองหันมาที่การออกกำลังกาย ทำความสะอาดห้อง จัดของ หรือการหยิบงานอดิเรกที่ชอบขึ้นมาทำ
เพราะความยืดหยุ่นจากทั้งเวลา และคอมฟอร์ตโซนจากการ WFH อาจจะทำให้เราหลงลืมเส้นกั้นบางๆ ของการทำงานและชีวิตส่วนตัว อย่าลืมให้รางวัลตัวเอง ไม่ว่าจะดูหนัง หรือกินอะไรอร่อยๆ เพื่อรีเซ็ตสมองให้ปลอดโปร่ง เตรียมพร้อมกับงานในวันถัดไป ทั้ง Physically และ Mentally
© 2020 SkillSolved Headhunter Thailand.
All rights reserved.
Powered by Data Wow
Contact us : h201@skillsolved.com